วันจันทร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2559
How to Achieve Return on Investment (ROI) for ERP
As we all know that ERP implementations is not easy task for both vendor as well as to the company who are investing so much of money resource to make sure every area of ERP implementation is successful and offer them with growth by streamlining their every department and business processes. The Biggest concern company motivates or demotivates to move forward with ERP implementation plan is the Return on investment so ensure long run benefits of an ERP solution. One of the most important aspects of ERP failures are the cost and time in which the expectation is set by…
here for link to ...
http://www.globalteckz.com/blog
thank you.
USB 3.0 เร็วกว่า USB 2.0 ถึง 10 เท่า
ข่าวคราวมาตั้งแต่ต้นปี 2552วันนี้ Intel ได้นำออกมาเผยแพร่ให้สื่อมวลชนจากทั่วโลกได้สัมผัสกับประสิทธิภาพและเทคโนโลยีใหม่ที่จะเป็นมาตรฐานพอร์ตเชื่อมต่อความเร็วสูงในอนาคต ซึ่งตามข่าวเขาอ้างว่า USB 3.0 นั้นเร็วเป็น 10 เท่าของ USB 2.0 เลยทีเดียว โดยในการทดสอบที่จัดขึ้นในงาน IDF ครั้งนี้พบว่า ในการคัดลอกข้อมูลขนาด 27 GB จากฮาร์ดดิสก์สู่ฮาร์ดดิสก์ผ่านพอร์ต USB 3.0 นั้นมันใช้เวลาคัดลอกเพียง 70 วินาที เท่านั้น (นาทีกว่าๆ) ส่วนเจ้า USB 2.0 นั้นต้องใช้เวลาถึง 15 นาที เลยทีเดียวถึงจะคัดลอกข้อมูลได้สมบูรณ์
วันอังคารที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2552
วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2552
VoIP คืออะไร
VoIP (Voice over IP) นั้นเป็นการประยุกต์การส่งข้อมูลของอินเทอร์เน็ตมาใช้งาน ซึ่งโดยปกติการใช้งานอินเทอร์เน็ตจะเป็นการใช้สัญญาณข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่สำหรับการใช้งาน VoIP นั้นจะเป็นการนำเอาสัญญาณเสียงมารวมเข้ากับสัญญาณข้อมูลเพื่อส่งผ่านไปยังระบบเครือข่ายผ่านทางโพรโตคอลที่ใช้สำหรับอินเทอร์เน็ตก็คือ Internet Protocol หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า IP ซึ่งตามปกตินั้น IP จะใช้สัญญาณข้อมูลเท่านั้น แต่ด้วยเทคโนโลยี VoIP ที่ทำให้ส่งสัญญาณเสียงได้ ด้วยรูปแบบการส่งข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ตจึงทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการโทรศัพท์ได้เป็นอย่างมาก
วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2551
What is Ph.D.?
Doctor of Philosophy, abbreviated Ph.D. or PhD for the Latin Philosophiæ. The most commonly awarded doctoral level degree is Ph.D.
How to Write a PhD Thesis. Joe Wolfe · School of Physics The University of New South Wales, Sydney. http://www.phys.unsw.edu.au/~jw/thesis.html
"This guide to thesis writing gives simple and practical advice on the problems of getting started, getting organised, dividing the huge task into less formidable pieces and working on those pieces. It also explains the practicalities of surviving the ordeal. It includes a suggested structure and a guide to what should go in each section. It was originally written for graduate students in physics, and most of the specific examples given are taken from that discipline."
How to Write a PhD Thesis. Joe Wolfe · School of Physics The University of New South Wales, Sydney. http://www.phys.unsw.edu.au/~jw/thesis.html
"This guide to thesis writing gives simple and practical advice on the problems of getting started, getting organised, dividing the huge task into less formidable pieces and working on those pieces. It also explains the practicalities of surviving the ordeal. It includes a suggested structure and a guide to what should go in each section. It was originally written for graduate students in physics, and most of the specific examples given are taken from that discipline."
Getting started
An outline
Organisation
Word processors
A timetable
Iterative solution
What is a thesis? For whom is it written? How should it be written?
How much detail?
Make it clear what is yours Style
Presentation
How many copies?
Personal
Coda
Thesis Structure
How to survive a thesis defence
วันพุธที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2551
WEB 2.0 คืออะไร
มองต่างมุม เทคโนโลยี Web 2.0 คืออะไร
Posted September 3rd, 2007 by webmaster in Information Technology Web 2.0 มีคนถามกันหนาหู ว่า Web 2.0 จริงๆ คืออะไรกันแน่ ...
มีหลายคนพยายามอธิบายตามความเข้าใจของตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองพบเห็นบ่อย ว่า Web 2.0 คืออะไรกันแน่ ...
พวกที่อยู่กับ abstraction และ concept (พวกที่มี MBTI type เป็น N เช่น ENTP, INTJ ฯลฯ) หรือว่าพวกที่ชีวิตอยู่กับ Social network เสียเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็น blog, media sharing จะบอกว่า Web 2.0 คือ Social network ที่เน้นการแบ่งปัน การแชร์กัน ของสิ่งที่ตัวเองมี พระเอกของรายการก็คงไม่พ้น Flickr, YouTube และอื่นๆ ที่เราใช้กันมากมายอยู่แล้ว
พวกที่อยู่กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (พวกที่มี MBTI type เป็น S เช่น ISFJ, ESTP ฯลฯ) หรือว่าพวกที่เห็นหน้าของเว็บแอพพลิเคชั่น อาจจะมองเห็นความลื่นไหลของ AJAX experience ก่อนอย่างอื่น และคิดว่า Web 2.0 จะเป็นเรื่องของ Rich-client ทีมี experience ของการใช้โปรแกรมผ่าน Web ได้ใกล้เคียง หรือไม่ต่างกันกับ Desktop application มากยิ่งขึ้น ซึ่งพระเอกของรายการก็คงเป็นบรรดา Software suites ทั้งหลายทั้งแหล่ ที่อพยพตัวเองขึ้นไปบน Web มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Office suite หรือว่า Image processing
นั่นคือ กลุ่มหนึ่งอาจจะมองว่า Web 2.0 คือ Social network ใน Digital culture (วัฒนธรรมดิจิทัล) มาก่อน แล้วเรื่องของ Rich-client application เป็นสิ่งที่ตามมา ในขณะที่อีกกลุ่มจะมองกลับกัน ว่ามันคือเรื่องที่ application อพยพกันไปอยู่บน Web อาศัย AJAX มาทำลาย gap ของ user experience ระหว่าง Web application กับ Desktop application จากนั้นการทำงานร่วมกันทั่วโลกเป็นสิ่งที่ตามมา
แต่ว่าจริงๆ แล้ว Web 2.0 มันคืออะไรกันแน่
วันนี้ผมคงจะไม่พูดอธิบาย+สาธยายยืดยาวหรอกนะครับ แต่ว่าจะเอา "คำจำกัดความ" ที่คิดว่าเข้าท่าจาก What is Web 2.0 จาก Web 2.0 Explorer ที่ ZDNet มาฝาก ซึ่งพวกนี้รวมๆ กันแล้ว ก็เป็นคำจำกัดความของ Web 2.0 ที่ถือได้ว่าครบถ้วนกระบวนความเหมือนกัน และไม่ยืดยาวเยิ่นเย้อจนเกินงามด้วย (ซึ่งตัวที่ผมชอบเป็นพิเศษ ผมได้ทำเป็นตัวหนาไว้นะครับ)
Web 2.0 = the web as platform Web 2.0 = the underlying philosophy of relinquishing control Web 2.0 = glocalization (ไม่ได้สะกดผิดนะครับ คนเขียนตั้งใจสะกดแบบนี้ โดยเค้านิยามว่ามันคือ "making global information available to local social contexts and giving people the flexibility to find, organize, share and create information in a locally meaningful fashion that is globally accessible") Web 2.0 = an attitude not a technology Web 2.0 = when data, interface and metadata no longer need to go hand in hand Web 2.0 = action-at-a-distance interactions and ad hoc integration Web 2.0 = power and control via APIs Web 2.0 = giving up control and setting the data free สำหรับผมแล้ว Web 2.0 ไม่ใช่ข้อใดข้อหนึ่งจาก list ด้านบนนี้ แต่ว่าเป็นทุกอย่างในด้านบนนี้รวมกัน
แต่ว่าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับการขับเคลื่อนสังคมและวัฒนธรรมยุคดิจิทัล ผ่าน Web 2.0 ก็คือ "ทัศนคติ" ครับ ซึ่งทำให้ผมอยากจะเน้นว่า มันคือ Attitude ไม่ใช่ Technology (ตัวหนึ่งที่ทำตัวหนาไว้) ของการเป็นองค์กรการเรียนรู้ (Learning Organization) ขนาดใหญ่ของทุกคนที่ใช้ Web ทำให้เกิดการต่อยอดความรู้และความคิด นำไปสู่การปฏิบัติจริง และนำมาซึ่งองค์ความรู้ (Knowledge) จริง โดยอาศัย Web เป็น platform ที่ทำให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้
องค์ความรู้ ยิ่งใช้ ยิ่งเพิ่มขึ้นครับ ไม่เหมือนกับทรัพยากรธรรมชาติที่ยิ่งใช้ยิ่งหมดลง เพราะองค์ความรู้นั้นใช้โดยการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริง และเกิด skill กับมือ กับความคิด กับตัวเอง และอีกวิธีหนึ่งในการใช้องค์ความรู้ ก็คือ การแบ่งปันกัน นั่นเองครับ
องค์ความรู้ มันไม่ใช่ สมบัติผลัดกันชมนะครับ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ช่วยกันสร้าง ช่วยกันใช้ และช่วยกันชม ครับ
Posted September 3rd, 2007 by webmaster in Information Technology Web 2.0 มีคนถามกันหนาหู ว่า Web 2.0 จริงๆ คืออะไรกันแน่ ...
มีหลายคนพยายามอธิบายตามความเข้าใจของตัวเอง และสิ่งที่ตัวเองพบเห็นบ่อย ว่า Web 2.0 คืออะไรกันแน่ ...
พวกที่อยู่กับ abstraction และ concept (พวกที่มี MBTI type เป็น N เช่น ENTP, INTJ ฯลฯ) หรือว่าพวกที่ชีวิตอยู่กับ Social network เสียเป็นส่วนมาก ไม่ว่าจะเป็น blog, media sharing จะบอกว่า Web 2.0 คือ Social network ที่เน้นการแบ่งปัน การแชร์กัน ของสิ่งที่ตัวเองมี พระเอกของรายการก็คงไม่พ้น Flickr, YouTube และอื่นๆ ที่เราใช้กันมากมายอยู่แล้ว
พวกที่อยู่กับรูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส (พวกที่มี MBTI type เป็น S เช่น ISFJ, ESTP ฯลฯ) หรือว่าพวกที่เห็นหน้าของเว็บแอพพลิเคชั่น อาจจะมองเห็นความลื่นไหลของ AJAX experience ก่อนอย่างอื่น และคิดว่า Web 2.0 จะเป็นเรื่องของ Rich-client ทีมี experience ของการใช้โปรแกรมผ่าน Web ได้ใกล้เคียง หรือไม่ต่างกันกับ Desktop application มากยิ่งขึ้น ซึ่งพระเอกของรายการก็คงเป็นบรรดา Software suites ทั้งหลายทั้งแหล่ ที่อพยพตัวเองขึ้นไปบน Web มากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Office suite หรือว่า Image processing
นั่นคือ กลุ่มหนึ่งอาจจะมองว่า Web 2.0 คือ Social network ใน Digital culture (วัฒนธรรมดิจิทัล) มาก่อน แล้วเรื่องของ Rich-client application เป็นสิ่งที่ตามมา ในขณะที่อีกกลุ่มจะมองกลับกัน ว่ามันคือเรื่องที่ application อพยพกันไปอยู่บน Web อาศัย AJAX มาทำลาย gap ของ user experience ระหว่าง Web application กับ Desktop application จากนั้นการทำงานร่วมกันทั่วโลกเป็นสิ่งที่ตามมา
แต่ว่าจริงๆ แล้ว Web 2.0 มันคืออะไรกันแน่
วันนี้ผมคงจะไม่พูดอธิบาย+สาธยายยืดยาวหรอกนะครับ แต่ว่าจะเอา "คำจำกัดความ" ที่คิดว่าเข้าท่าจาก What is Web 2.0 จาก Web 2.0 Explorer ที่ ZDNet มาฝาก ซึ่งพวกนี้รวมๆ กันแล้ว ก็เป็นคำจำกัดความของ Web 2.0 ที่ถือได้ว่าครบถ้วนกระบวนความเหมือนกัน และไม่ยืดยาวเยิ่นเย้อจนเกินงามด้วย (ซึ่งตัวที่ผมชอบเป็นพิเศษ ผมได้ทำเป็นตัวหนาไว้นะครับ)
Web 2.0 = the web as platform Web 2.0 = the underlying philosophy of relinquishing control Web 2.0 = glocalization (ไม่ได้สะกดผิดนะครับ คนเขียนตั้งใจสะกดแบบนี้ โดยเค้านิยามว่ามันคือ "making global information available to local social contexts and giving people the flexibility to find, organize, share and create information in a locally meaningful fashion that is globally accessible") Web 2.0 = an attitude not a technology Web 2.0 = when data, interface and metadata no longer need to go hand in hand Web 2.0 = action-at-a-distance interactions and ad hoc integration Web 2.0 = power and control via APIs Web 2.0 = giving up control and setting the data free สำหรับผมแล้ว Web 2.0 ไม่ใช่ข้อใดข้อหนึ่งจาก list ด้านบนนี้ แต่ว่าเป็นทุกอย่างในด้านบนนี้รวมกัน
แต่ว่าสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับการขับเคลื่อนสังคมและวัฒนธรรมยุคดิจิทัล ผ่าน Web 2.0 ก็คือ "ทัศนคติ" ครับ ซึ่งทำให้ผมอยากจะเน้นว่า มันคือ Attitude ไม่ใช่ Technology (ตัวหนึ่งที่ทำตัวหนาไว้) ของการเป็นองค์กรการเรียนรู้ (Learning Organization) ขนาดใหญ่ของทุกคนที่ใช้ Web ทำให้เกิดการต่อยอดความรู้และความคิด นำไปสู่การปฏิบัติจริง และนำมาซึ่งองค์ความรู้ (Knowledge) จริง โดยอาศัย Web เป็น platform ที่ทำให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นได้
องค์ความรู้ ยิ่งใช้ ยิ่งเพิ่มขึ้นครับ ไม่เหมือนกับทรัพยากรธรรมชาติที่ยิ่งใช้ยิ่งหมดลง เพราะองค์ความรู้นั้นใช้โดยการสร้างองค์ความรู้ใหม่ ปฏิบัติให้รู้แจ้งเห็นจริง และเกิด skill กับมือ กับความคิด กับตัวเอง และอีกวิธีหนึ่งในการใช้องค์ความรู้ ก็คือ การแบ่งปันกัน นั่นเองครับ
องค์ความรู้ มันไม่ใช่ สมบัติผลัดกันชมนะครับ แต่ว่ามันเป็นสิ่งที่ช่วยกันสร้าง ช่วยกันใช้ และช่วยกันชม ครับ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)